ดูขุนพันธ์ 3

ดูขุนพันธ์ 3

ดูขุนพันธ์ 3

ดูขุนพันธ์ 3 ขุนพันธ์ 3 จะเป็นเหตการณ์หลังจาก 2 ภาคแรก เป็นการเชื่อมต่อกันแบบหลวมๆ ไม่ได้ต่อในทันทีอะไรนัก ดังนั้นแล้วถึงไม่ได้ดู 2 ภาคแรกก็อาจสามารถดูภาคนี้ได้เลย แต่ผมแนะนำว่ายังไงก็ควรหา 2 ภาคแรกมาดูก่อนครับ เพื่อให้คุ้นชิ้นกับเซ็ตติ้ง และรู้ปูมหลังตัวละครต่างๆ เพราะมันมีผลกับฉากไคลแมกซ์ภาคนี้พอสมควรเลยครับ

ในภาคนี้ตัวของขุนพันธ์ในวัยที่เริ่มอายุมากขึ้นไม่ปราดเปรียวเหมือนเก่า จะต้องเผชิญกับ 2 เสือหนุ่มแน่นที่จ้องจะเอาชีวิตเขาให้จงได้ ในขณะที่ของที่เขามีก็รังแต่จะเสื่อมสภาพลงเรื่อยๆ ดูขุนพันธ์ 3 และไม่อาจปกปักษ์เขาได้อีกต่อไป

ผมรู้สึกคล้ายว่าดู Logan ในช่วงแรก ตัวเอกที่เคยเข้มขลังกลับเสื่อมพลังลงจนน่าใจหาย เหลือเพียงความห้าวไม่กลัวตาย ขณะที่ร่างกายก็โรยรา ภาคนี้ตัวละครขุนพันธ์ถูกปรับให้เป็นกระสอบทรายมากขึ้นจากความร้างราสนามรบ รวมถึงสภาพร่างกายที่ห่างไกลจากจุดพีคของตน คนดูจะรู้สึกเอาใจช่วยขุนพันธ์มากกว่าเดิม ขุนพันธ์ 3 ขณะที่ก็ช่วยชูให้เสือดำและเสือมเหศวรมีซีนของตัวเองที่เด่นชัดขึ้น และเป็นการสำทับถึงบทบาทและมิติตัวละครที่ไม่แบนจนเกินไปตัวอย่างแรก ขุนพันธ์ 3 (Official Teaser) - YouTube

ขณะที่ตัวหนังประสบปัญหาเริ่องการคัตติ้งและจังหวะผ่อน-เร่งเกือบทั้งเรื่อง ดูขุนพันธ์ 3 ด้วยความยาวหนัง 2 ชั่วโมงครึ่งการหั่นบางฉากอย่างโฉ่งฉ่างทำให้หนังมีความไม่สมูธมากนัก หรือเพซการดำเนินเรื่องที่เหมือนรถเมล์บนถนนสุขุมวิทช่วงชั่วโมงเร่งด่วน บันดาลให้เกิดความหงุดหงิดในใจขึ้นมาอยู่สักหน่อย แต่ด้วยเนื้อเรื่องที่ดำเนินไป กับแอคชั่นที่สาดความมันส์กันทุกๆ 10 นาที ก็ช่วยยืดโยงให้เรายังคงสามารถอยู่กับหนังได้ ก่อนจะตอบแทนเราด้วยไคลแมกซ์ในช่วงท้ายที่เรียกเอาอารมณ์ไฮป์แบบที่ไม่เห็นในหนังไทยเรื่องไหนมานานกลับขึ้นมาลุกโชนอีกคำรบ ก่อนจะจบในแบบของหนังซูเปอร์ฮีโร่สเตอร์ริโอไทป์ที่พอมาอยู่ในเซ็ตติ้งของขุนพันธ์แล้วเซอร์เรียลจัดๆ

สิ่งที่ชอบที่สุดของหนังเรื่องนี้คือการที่พี่โขมไปสุดกว่าภาคก่อนมากๆ มันมีฉากหนึ่งในหนังที่ตัวละครพูดว่า “คนเขาชอบอะไรที่เกินจริงกันทั้งนั้นแหละ” ใช่ครับ และการทำอะไรที่เกินจริงเกินเรื่องไปมากในภาคนี้ของขุนพันธ์คือการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุด จะบ้าจะเบียวก็ต้องไปให้สุด ไม่ต้องกระมิดกระเมี้ยนเหมือน 2 ภาคแรก เพราะไหนๆ หนังก็เป็นแอคชั่นฮีโร่ไทยๆ ตะโกนชื่อท่าท่องคาถาซัดกันอยู่แล้ว มาเวย์นี้นี่แหละยอดเยี่ยม

ขณะที่งานโปรดักชั่นงาน CG ก็จัดเต็มที่สุดเท่าที่จะทำได้

แน่ล่ะว่าเราคงไปเทียบกับหนังฮอลลิวูดไม่ได้เพราะทุนที่ต่างกันเยอะ แต่ได้ระดับนี้ก็ดูได้ไม่เคอะเขินสมจริงสมจังตามสภาพ และคนดูไม่รู้สึกว่าโดนดูถูกอะไร นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องของเส้นเรื่องรองและสภาพปัจจุบันของเซ็ตติ้งที่ล้อไปกับบริบทของสังคมไทยในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี และอันที่จริงด้วยเซ็ตติ้งด้านการเมืองที่เข้มคลั่กนี่แหละที่ช่วยชูให้เอเลเมนต์ด้านอื่นที่อาจเปี่ยมความแฟนตาซีแต่ก็ยังมีน้ำหนัก และส่งผลให้การตีความใหม่ของเสือดำกับเสือมเหศวรนั้นมีความร่วมสมัยและมีอะไรมากกว่าแค่การเป็นโจรปล้นฆ่าไปวันๆ

ขุนพันธ์ 3
โดยสรุปแล้วขุนพันธ์ 3 แม้เป็นหนังที่มีรอยแผล ไม่เรียบเนียน ไร้ความสมเหตุสมผลในบางฉาก แต่มันเป็นหนังปิดไตรภาคที่โคตรสนุก แอคชั่นมันส์เดือด นักแสดงเล่นดี แถมมีเซอร์ไพรส์ช่วงท้าย ตัวละครก็มีมิติเล่นมีซีนขายเท่ทุกตัวคน คือมันเป็นหนังปิดไตรภาค แต่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมอยากอ้อนวอนให้พี่โขมไปต่อกับเวิร์สนี้ มันมีโพเทนเชี่ยลอีกมากในหลายๆ จุด และพูดได้เต็มปากเลยว่าเป็นแอคชั่นไทยๆ ที่ชอบสุดในรอบหลายปีมานี้เลย

หลายคนเมื่อได้ยินชื่อนี้แล้ว คงคุ้นหูกันดี เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับการนำประวัติศาสตร์มาทำเป็นรีวิว หนัง สำหรับซีซั่นแรกที่ได้ดูกันไปนั้น แน่นอนว่าได้นักแสดงซุปเปอร์สตาร์ของวงการจองเงินมาเปิดตัว รีวิวหนังออนไลน์ เรื่องนี้ได้อย่างน่าประทับใจ ว่าด้วยหนังบูแอ็คชั่นผสมความดราม่าที่สร้างจากเรื่องจริง แต่เป็นในเรื่องของความแฟนตาซี ซึ่งแฟนตาซีนะที่นี้หมายถึงคาถา และอาคม ทำให้มีกระแสวิจารณ์ในเรื่องของความเกินจริง

หรือบิดเบือนประวัติศาสตร์ แต่แท้จริงแล้วไม่อยากให้มองแบบนั้น แม้ว่าขุนพันธ์จะเป็นตำรวจน้ำดีของไทยที่มีตัวตนอยู่จริง และได้ชื่อในเรื่องการปราบโจรผู้ร้าย ด้วยคาถาอาคม ทำให้ทำภารกิจสำเร็จรอดมาทุกสถานการณ์ อย่างปลอดภัย

ก็ตามที แต่ว่านี่ไม่ได้เหมือนกับหนังพ่อมดแม่มดของต่างชาติที่ทำออกมาแล้วควรจะยอมรับในความเป็นแฟนตาซีแล้วตั้งหน้าตั้งตารอดูความเหนือชั้น โดยพื้นฐานที่มันเคยมีในหน้าประวัติศาสของไทยด้วยทั้งชื่อพระเอกและชื่อตัวร้ายไม่ว่าจะเป็นเสือ หรือที่รู้กันดีก็คือกลุ่มโจร คู่ปรับของขุนพันธ์ ที่หลายครั้งจนเหล่านี้ก็กลายเป็นฮีโร่ที่เป็นศาลเตี้ย เป็นการทำบาปขาว และคุณ 1000 เองก็มีใจจะไปเข้าร่วมกับกลุ่มโจรเรานั้น จึงไม่อยากให้มองว่านี่คือหนังประวัติศาตร์ แต่อยากให้มองว่าเป็น ซี รี่ ย์ netflix ซุปเปอร์ฮีโร่ตระกูลไทย

การดำเนินเรื่องของขุนพันธ์ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ฉับไว ทุกไดอะล็อก และการเล่าเรื่องมาแบบเนื้อ ๆ ไม่มีการเสียเวลาใด ๆ ทั้งสิ้น ช่วงต้นเรื่องเกิดขึ้นอย่างดุเดือด แนะนำให้เรารู้จักตัวละครทุกตัวละคร มองเห็นความขัดแย้งภายในของตัวละครอย่างผิวเผิน ขุนพันธ์ 3 ก่อนจะลงลึกในช่วงกลางเรื่องอย่างเข้มข้น เราได้เห็นปมที่เป็นตัวขับดันของแต่ละตัวละครอย่างชัดเจน ในพาร์ทนี้อาจจะดำเนินเรื่องผ่อนแรงลงไปบ้าง แต่ก็ทำให้เรามองเห็นเสน่ห์ของทุกตัวละครได้แจ่มแจ้งมากกว่าเดิมขุนพันธ์ 3 (2023) วิกฤติ ศรัทธาและอาคม

ก่อนที่หนังจะโหมโรงเข้าสู่ช่วงท้ายที่ดุเดือดจนปลุกทุกอะดรีนาลีนในร่างกายให้เดือดพล่าน โดยเฉพาะฉากต่อสู้ท้ายเรื่องที่เป็น Final Fight คือความมันส์แบบหาตัวจับได้ยากในภาพยนตร์ไทยยุคนี้ กล้าพูดได้เต็มปากเลยว่า นี่คือภาพยนตร์ฮีโร่ไทยที่มันส์ที่สุด และสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยมีมา เหมือนกับได้เห็นการต่อสู้ของทีม Avengers ในเวอร์ชั่นของขุนพันธ์อย่างไรอย่างนั้นรีวิว] ขุนพันธ์ 3 – แม้บทมั่วแหลกแต่แอ็กชันจัดเต็ม – #beartai

การแสดงของ อนันดา เอเวอริ่งแฮม ในบทขุนพันธ์ ทำให้เราเห็นจริง ๆ ว่าเขารู้จักและเข้าใจตัวละครนี้เป็นอย่างดี สมกับที่อยู่กับตัวละครนี้มายาวนาน ทุกอารมณ์ความรู้สึกของขุนพันธ์เราสามารถรับรู้ได้อย่างครบถ้วน เขาเป็นฮีโร่ที่ไม่ได้มีแค่ด้านขาว หรือด้านดำ แต่เป็นตัวละครสีเทาที่มี โกรธเกรี้ยว อ่อนแอ และหวาดกลัว เมื่อเสริมบทบาทในการที่จะต้องเป็นพ่อเข้าไป นั่นทำให้ตัวละครนี้มีความเป็นมนุษย์อย่างที่สุด

ถัดมาเป็น เสือมเหศวร ที่รับบทโดย มาริโอ เมาเร่อ

ขอบอกว่าเขาโปรยเสน่ห์อย่างล้นเหลือในบทบาทนี้ ลีลาท่าทางและสายตา มีความแพรวพราว ถือเป็นสีสันที่จัดจ้านของเรื่องราวแสนตึงเครียด สุดท้ายเป็น โตโน่ ภาคิน ในบท เสือดำ ที่เขาสวมวิญญาณความดำมืดที่แสนเจ็บปวดของตัวละครนี้มาทุกอณู แม้บางจังหวะจะเกือบล้นไปบ้าง แต่บางจังหวะการแสดงของเขาก็กระแทกใจของเราเข้าอย่างจัง แต่ที่ไม่พูดถึงเลยไม่ได้ก็คือ เอม ภูมิภัทร ในบท ผู้กองทัตเทพ เขาคนนี้ฉายแสงได้น่าจับตามองทีเดียว

จุดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้คือ ฉากแอ็คชั่น ที่ตัวหนังใส่มาตลอดทั้งเรื่อง และมันทำได้ถึงเส้นทุกฉากเลยด้วย ราวกับผู้กำกับเข้ามานั่งในใจผู้ชมจนสามารถรู้ได้เลยว่า รสชาติฉากแอ็คชั่นที่คนไทยชอบเป็นอย่างไร หลายอย่างฉากแอ็คชั่นถูกใช้เป็นตัวขับเคลื่อนเรื่องราวด้วยเช่นกัน แต่อย่างที่บอกว่าฉากแอ็คชั่นในช่วงท้ายเรื่องคือสิ่งที่ทะเยอทะยานที่สุดเท่าที่หนังไทยเคยทำมา และพวกเขาไม่ทำให้คนดูอย่างเราผิดหวังเลยแม้แต่น้อย

งานโปรดักชั่น เห็นได้ชัดว่าทุ่มเทแบบหมดหน้าตัก มีอะไรใส่เข้ามาไม่ยั้ง มู้ดและโทนของเรื่องราวเองก็มีเสน่ห์และเป็นตัวของตัวเอง บทภาพยนตร์บางช่วงมีแปร่ง ๆ ไปบ้าง แต่ก็สามารถไปด้วยกันได้กับเรื่องราว และแม้ว่าจะมีบางฉากที่ให้ความรู้สึกติดขัด แต่ก็สามารถยอมรับได้

ประเด็นเนื้อเรื่องที่ใช้เป็นแก่นหลักของเรื่องราวก็คือ การตั้งคำถามกับการใช้อำนาจจากกฎหมาย ตัวหนังไม่ขลาดกลัวเลยที่จะนำเสนอสารที่ต้องการจะสื่ออย่างตรงไปตรงมา เรียกได้ว่าเป็น ภาพยนตร์กระแสหลักของไทยที่กล้าและบ้าบิ่นไม่น้อย และแม้ว่าตัวเนื้อเรื่องจะถูกเซ็ตติ้งอยู่ในยุคอดีต ประมาณช่วงปี พ.ศ. 2493 แต่สิ่งที่เกิดขึ้นสามารถสะท้อนภาพในสังคมปัจจุบันได้ราวกับเป็นกระจกใสบานยักษ์ ถือเป็นจุดที่น่านับถือไม่น้อย

ขุนพันธ์ 3 คือภาพยนตร์แอ็คชั่นไทยที่แสดงให้เราเห็นว่า พวกเขาทุ่มเท ด้วยความตั้งใจอย่างเต็มเปี่ยม สร้างเหตุและผลของเรื่องราว สร้างโลกของเรื่องราวที่ทำให้เรารู้สึกเชื่อ จนถูกดึงเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลขุนพันธ์อย่างง่ายดาย และเมื่อเรากลายเป็นส่วนหนึ่งแล้ว ความบันเทิงมันจึงเกิดขึ้นโดยที่ไม่ต้องร้องขอ นี่คือหนังไทยที่ไม่ดูถูกคนดู ควรค่าแก่การรับชมในโรงภาพยนตร์ (ถ้ามีฉายในระบบ IMAX จะดีมาก 555)

หนังแอ็คชั่นไทยที่ดัดแปลงมาจากเรื่องจริงของมือปราบเสือร้ายอย่าง ขุนพันธรักษ์ราชเดช หรือ บุตร พันธรักษ์ ตำรวจมือดีที่มีคาถาอาคมที่ปราบโจรมาแล้วมากมาย ที่กำลังเดินทางมาถึงจุดจบของไตรภาคในภาคที่ 3 ที่เป็นภาคที่จะปิดตำนานมือปราบเสือร้าย โดยในภาคนี้ตัวเขาต้องมาปะทะกับ 2 เสือแห่งภาคกลางอย่าง “เสือมเหศวร ” และ “เสือดำ” ตัวหนังเป็นผลงานของผู้กำกับ ก้องเกียรติ โขมศิริ ที่กำกับมาแล้วทั้ง 2 ภาค ครับ

ontheteenbeat

My Review

Review Form...

Reviews

Loading Reviews...

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *